การปรับปรุงรายการและการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจากขาดทุนสะสม
พอดีมีคนถามถึงประเด็นที่บริษเทจดทะเบียนบางแห่งไม่ได้ตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีในงบแสดงฐานะการเงินจะมีผลกระทบใดบ้างดีไม่ดีอย่างไร
และรายการนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
กรณีที่บริษัทมีขาดทุนขึ้นและเป็นขาดทุนที่เป็นไปตามประมวลรัษฎากร
ขาดทุนที่เกิดขึ้น บริษัทสามารถนำไปเป้นค่าใช้จ่ายในภายหน้าได้ไม่เกิน 5 ปี เช่น ปีนี้ขาดทุน 10 ลบ. ไม่ต้องนำส่งภาษี
ปีหน้ามีกำไร 12 ลบ. บริษัทจะเสียภาษีจากกำไรปีล่าสุดเพียง 2
ลบ.
ถ้าบริษัทมีการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจะลงรายการดังนี้
ปีที่ 1 บริษัทขาดทุนก่อนภาษี 10 ลบ.
สมมติอัตราภาษีเท่ากับ 20%
เดบิต สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี___2 ==
> แสดงในงบแสดงฐานะการเงิน
.........…………..เครดิต ภาษีเงินได้______2 == > แสดงในงบกำไรขาดทุนท่อนบน
หากบริษัทตั้งแต่เริ่ม งบกำไรขาดทุนจะแสดงค่าใช้จ่ายภาษีเป็นลบ
และมีขาดทุนสุทธิเท่ากับ 8 ลบ. และยอดนี้จะทำให้กำไรสะสมลดลงเพียง 8 ลบ.
ปีที่ 2 มีกำไรก่อนภาษี 12 ลบ.
เมื่อคำนวณและต้องนำส่งภาษีเพียง 0.4 ลบ. แต่ทางบัญชีจะแสดงดังนี้
เดบิต ภาษีเงินได้_____2.4 == > แสดงเป็น
คชจ (12x20% = 2.4) ในงบกำไรขาดทุนท่อนบน
……………….เครดิต สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี___2.0
== > ลด ส/ท ภาษีฯ
………………………ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย_______________0.4
== > รอส่งสรรพกร
งบกำไรขาดทุนจะแสดงกำไรสุทธิเท่ากับ 9.6 ลบ. จะทำให้กำไรสะสมเพิ่ม 9.6 ลบ.
รวมสองปีกำไรสะสมเพิ่มรวม (-8) + 9.6 = 1.6
ถ้าบริษัทไม่ตั้งรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีตั้งแต่ปีแรก
กำไรสะสม จะกระทบดังนี้ = (-10) + 11.6 = 1.6 ลบ.
ผลสุดท้ายต่องบแสดงฐานะการเงินในกำไรสะสมจะเท่ากันอยู่ดี แต่ถ้าพิจารณาให้ดี
การตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีลดการผันผวนของการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานลง
กรณีที่บริษัทมีขาดทุนสะสมย้อนหลังและก่อนหน้าไม่ได้ตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีไว้
ต่อมาอยากตั้งรายการนี้ เพราะคาดว่าจะได้ใช้ประโยชน์ทางภาษี
โดยก่อนหน้ามีขาดทุนมาสองปีคือ (100) และ (40) รวม ขาดทุนสะสม 140 ลบ. เป็นผลขาดทุนทางภาษี
เมื่อบริษัทจะปรับปรุงรายการย่อมทำได้ ขาดทุนได้ปิดเข้าสู่กำไรขาดทุนสะสมแล้ว
เมื่อปรับปรุงก็ปรับกับกำไรสะสม ดังนี้ อัตราภาษีใช้สมมติที่ 20%
เดบิต สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี___28 ==
> แสดงในงบแสดงฐานะการเงิน
.........…………..เครดิต กำไรสะสม____28 == > แสดงในงบกำไรขาดทุนท่อนล่าง
ความหมายคือในอดีตที่ผ่านมาแสดงขาดทุนมากไป 28 ลบ คือปีแรก ขาดทุนควรแสดงเพียง 80 ลบ. ภาษีต้องเป็นลบ
20 ลบ. ปีที่สอง ควรแสดงขาดทุน 32 ลบ. ภาษีต้องเป็นลบ
8 ลบ.
ปีที่สามมีกำไรกลับมา 60 ลบ. ปีที่สามไม่ต้องนำส่งสรรพกร
แต่บัญชียังคงแสดงค่าใช้จ่ายทางภาษี 12 ลบ. ซึ่งทางบัญชีจะมีรายการดังนี้
เดบิต ภาษีเงินได้_____12 == > แสดงเป็น
คชจ (60x20% = 12) ในงบกำไรขาดทุนท่อนบน
……………….เครดิต สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี___12
== > ลด ส/ท ภาษีฯ
กำไรสุทธิจะโอนไปกำไรสะสม 60-12 = 48 ลบ. เท่ากับส่วนของเจ้าของ
= -100-40+28+48 = -64
กรณีไม่ตั้งรายการเลย = -100-40+60 = -80 ยอดต่างกันคือ 16 ซึ่งคือ สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีที่เหลือการใช้ประโยชน์อีก
16 (28-12 = 16) ลบ.
ถ้าเปรียบเทียบระหว่างการตั้งและไม่ตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (ใช้กรณีศึกษาสุดท้าย)
……………………..…ไม่ตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้ฯ……..ตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้ฯ
ปีแรก..สินทรัพย์...................... ต่ำไป 20 ลบ...........................ส/ท
เพิ่ม 20 ลบ
............กำไรสะสม....................ต่ำไป 20 ลบ...............................เพิ่ม
20 ลบ
............กำไร(ขาดทุน) ..............แสดง (100) ลบ............................แสดง (80)
ปีที่สองสินทรัพย์...................... ต่ำไป 28 ลบ...........................ส/ท
เพิ่มอีก 8 ลบ เป็น 28
............กำไรสะสม....................ต่ำไป 28 ลบ...............................เพิ่มอีก
8 ลบ เป็น 28
............กำไร(ขาดทุน) ..............แสดง (40) ลบ.................................แสดง (32)
ปีที่สามสินทรัพย์...................... ต่ำไป 16 ลบ...........................ส/ท
ลดลง 12 ลบ
............กำไรสะสม....................ต่ำไป 16 ลบ............................แสดงสูงกว่า
16 ลบ
............กำไร(ขาดทุน) ..............แสดง 60 ลบ...............................แสดง 48 ลบ
บอกอะไรบ้าง
1. การไม่ตั้ง สินทรัพย์ต่ำ ROA จะสูงขึ้นเล็กน้อย (รายการ ส/ท ภาษีมักมีขนาดน้อยมาก)
2. การไม่ตั้ง ส่วนเจ้าของน้อย D/E เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
3. การไม่ตั้ง กำไรขาดทุนจะมีโอกาสผันผวนมากกว่า
4. การไม่ตั้ง เมื่อมีกำไรจะทำให้กิจการจ่ายปันผลจากกำไรได้มาก
ในแง่นักลงทุนอาจดี แต่ในแง่ธุรกิจอาจจ่ายเงินสดออกมากเกินไปในปีนั้นๆ ไม่ดีนักในระยะยาว
ไม่เหมาะนักในเรื่องหลักการ cpital maintenance
5. การไม่ตั้งในทางบัญชีถ้ามองเรื่อง conservative
ถือว่าดี แต่ในมุมมองนักลงทุนเหมือนกับกิจการบอกนัยๆว่า ในอนาคต
กิจการไม่มั่นใจว่าจะใช้ประโยชน์จากขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้น การแสดงความไม่มั่นใจอาจสะท้อนว่าผู้บริหารเองก็ไม่รู้อนาคตจะมีกำไรเท่าไร
จะใช้ได้หรือไม่ เลยไม่ตั้ง ไปวัดดวงเอาวันข้างหน้ามีกำไรเท่าไรก็ใช้เท่าที่ช้ได้
ไม่มีก็ไม่ใช้ เหมือนผู้บริหารยังไม่มั่นใจการทำกำไร หรือไม่ได้วางเป้าหมายไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น