CFROI กับ P/E
สำหรับคนที่ไม่เคยอบรมกับผม
จะไม่เคยพบอัตราส่วน CFROI มาก่อน แต่ในหนังสือผม หลายเล่มได้กล่าวถึงอัตราส่วนนี้ไว้
บทความนี้มาขยายเพิ่มขึ้นถึงหลักคิดที่มาที่ไป
ปกติในการดำเนินธุรกิจใดๆ
ก็ตามเ มื่อตัดสินใจจะลงทุน ควรใช้หลักการตัดสินใจตามแนวคิดเรื่อง Capital
Budgeting ซึ่งจะลงทุนเมื่อมูลค่าปัจจุบัน (PresentValue) ของกระแสเงินสดรับของการลงทุนนั้นๆ ที่เรียกว่า กระแสเงินสดอิสระ (Free
Cash Flow - FCF) มากกว่าเงินลงทุน (Capital Expenditure -
CAPEX) หรือเมื่อ NPV – Net Preset Value) > 0 ; PV(FCF)
> CAPEX
และเมื่อใดที่ มูลค่าปัจจุบัน (PresentValue) ของกระแสเงินสดรับ NPV(FCF) > เงินลงทุน (Capital
Expenditure - CAPEX) จะพบว่า IRR (Internal Rate of Return)
> ต้นทุนเฉลี่ยเงินทุน (WACC – Weighted Average Cost of
Capital)
ในการตัดสินใจลงทุนในโครงการใดๆ
อาจดูค่าระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ด้วยเช่นกัน
CFROI = CFO/PPE สูตรนี้ใช้หลักการทางการเงินและบัญชี มีข้อสมมติฐานว่าธุรกิจดำเนินงานเพื่อการทำกำไรธุรกิจเสมอ
แต่ผลจะได้เท่าไร ดีหรือไม่ก็ต้องแสดงตามจริง ไม่มีธุรกิจไหนตั้งใจให้แย่
ที่แย่เพราะทำได้แย่กว่าที่คิด
CFO = กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
ไม่นับรวมกำไรที่เกิดจากกิจกรรมการลงทุน กำไรไม่ใช่ตัวเงินสด และ CFO นี้ปรับการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินในการดำเนินงานแล้ว
จึงสามารถเทียบเคียงว่าใกล้ FCF มากที่สุด
การที่เราไม่ต้องหัก CAPEX เพราะว่า สินทรัพย์ที่ลงทุนคือ
ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (PPE) (ต้องรวมสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นด้วยสำหรับบางธุรกิจ
เช่น สัมปทาน อสังหาเพื่อการลงทุน)
ถ้าสินทรัพย์เหล่านั้นทำให้เกิดรายได้จากการดำเนินงาน PPE (จะหมายถึงรวมหมดตามที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อสะดวกในการเขียน)
ถือเป็น Existing Assets ไม่รวมการลงทุนใหม่ (CAPEX คือ New Investment) การลงทุนเพื่อรักษาระดับการผลิต
Maintinance คือ Reinvestment จะเป็นเพียงการทดแทนเพื่อรักษารายได้หรือกระแสเงินสดจากการดำเนินงานให้คงที่เท่านั้น
ดังนั้นจึงถือว่า
-
CFO จะคงที่ที่ระดับปัจจุบัน
-
NWC ปีต่อๆ ไปไม่เปลี่ยนแปลง
-
CAPEX ไม่มีเพิ่มจากล่าสุดปัจจุบัน ดังนั้น ยอด PPE คือ ยอดการลงทุน
เมื่อ PPE คือ Existing Assets ที่ใช้สร้างรายได้
(กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน) ที่เกิดสมมติฐานคือปีต่อๆ ไป
ก็ได้เท่าปีล่าสุดไปตลอด CFO/PPE(เฉลี่ย)
ย่อมคือผลตอบแทนที่สินทรัพย์นั้นทำได้ ส่วนกลับก็หมายถึงระยะเวลาคืนทุน
คือกี่ปีได้ต้นทุนสินทรัพย์คืนกลับมา
ถ้ามองแบบง่ายๆ สมมติว่า CFO/PPE = 20% หรือคิดหยาบๆ จะทำให้เงินสด ปีละ 20% นั่นเอง
ทำนองคล้ายกับ Sustaineble growth ของ ROE นั่นเอง เมื่อได้ CFOI สูง ก็หมายความว่ามี growth
ของ CFO สูงด้วยนั่นเอง
จากหลัก PEG ของ
Peter Lynch ที่บอกว่า P/E
หุ้นไม่ควรสูงเกินกว่า Growth และหากเราเชื่อว่าราคาหุ้น
กับผลกำไร และกระแสเงินสด FCF มีความเชื่อมโยงกัน
P/E = Growth
CFROI = CFO/PPE = Growth ของ CFO = P/E
เราจึงประเมินหรือกำหนดราคาหุ้นคร่าวๆได้ที่
CFROI
การประเมินนี้ใช้ได้กับกิจการที่มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนสัดส่วนสูงๆ (ราว 70-80% ขึ้นไป) หรือต้องใช้ในการสร้างรายได้ และเป็นกระแสเงินสดสูง เช่น
โรงพยาบาล โรงแรม โรงไฟฟ้า ค้าปลีก โทรคมนาคม กิจการผลิต (ต้นน้ำ –
Upstream) เป็นต้น พวกผลิตทั่วไป
หรือมีสัดส่วนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนไม่สูง และไม่เป็นกระแสเงินสดรับเร็วๆมากๆ
จะไม่ใช้ได้ดีนัก อาจติดลบหรือต่ำมาก ส่วนตัว เป็อีกเครื่องมือหนึ่งในการกำหนดกรอบ
P/E