วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

กำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วม ณ วันเปลี่ยนสถานะ และกำไรจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเสมือนรายการขายจริง


การรับรู้รายได้ที่เกิดจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม

กำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วม ณ วันเปลี่ยนสถานะ และกำไรจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเสมือนรายการขายจริง



เงินลงทุนในบริษัทร่วม จะต้องแสดงด้วยวิธีส่วนได้ส่วนเสีย (Equity Method) ในงบการเงินรวม ซึ่งการใช้วิธีนี้ทำให้เกิดการบันทึกส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุ) จากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งแบ่งรับรู้ผลกำไรขาดทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วม ปกติบริษัทร่วมมักจะเป็นเงินลงทุนระยะยาว บริษัทถือหุ้นในระดับที่มีอิทธิพล (Influence) แต่ไม่ถึงกับควบคุม โดยกำหนดเบื้องต้นคือถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 20 แต่ไม่เกินร้อยละ 50



ในปัจจุบัน หลายบริษัทมีการแสดงกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วม ณ วันเปลี่ยนสถานะ และหรือ กำไรจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเสมือนรายการขายจริง เชื่อว่าหลายคนสงสัยว่ามาอย่างไร วันนี้จะมาสรุปให้เข้าใจที่มาที่ไป แบ่งเป็นสองกรณี คือลดสัดส่วน และเพิ่มสัดส่วน ทั้งสองกรณี บรษัทยังต้องดำรงสัดส่วนที่ยังป็นบริษัทร่วมอยู่ เช่นเดิมถือ 30% ลดแล้วเป็น 25% ยังมากกว่า 20% หรือ จากที่ถือ 28% เป็น 37% เป็นต้น

1.ลดสัดส่วนเงินลงทุน จะแสดงกำไรจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเสมือนรายการขายจริง เช่นบริษัท A เดิมถือหุ้น B 30% โดย B มีทุน 400 MB (par@1) มี BV รวม 600 A ถือที่ BV เท่ากับ 180 MB (120 ล้านหุ้น ต้นทุน 1.5 บาทต่อหุ้น) ต่อมา B เพิ่มทุน จาก 400 MB เป็น 500 MB ขายหุ้นละ 2 บาท A ไม่เพิ่มตาม สัดส่วน A ใน B จะเป็น 120/500 = 24% เนื่องจากหลักการ Equity Method คือ งลท. ในร่วมคือการแสดงส่วนได้เสียใน Equity ของบริษัทที่ถือหุ้น

A     =     L   +   E     ; Asset ใน A งลท แสดงก่อน B เพิ่มทุน = 180

เมื่อ B เพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น @ 2 BV ของ B จะเป็น 600+200 = 800 MB

A ถอสัดส่วนใหม่ 24% ต้องแสดง งลท ของ B 192 MB

งลท + 12   =  E  + 12

กำไรจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนในบริษัทร่วมเสมือนรายการขายจริง = 12

เปรียบเหมือนว่า A ซื้อตามสัดส่วนก่อน 30 ล้านหุ้น ที่ @ 2 บาท

เดิมมี 120 ล้านหุ้น ต้นทุน 1.5 บาทต่อหุ้น ซื้อเพิ่ม 30 ล้านหุ้น ที่ @ 2 บาท

รวม = 120*1.5 + 30*2 = 180 + 60 = 240 ต/ท ใหม่ = 240/150 = 1.6

ขายออก 30 ล้านหุ้น ที่ @ 2 บาท กำไร 0.4 บาทต่อหุ้น

30 ล้านหุ้น จึงเสมือนมีกำไร = 30*0.4 = 12 ลบ.

2. เพิ่มสัดส่วนเงินลงทุน จะแสดงกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วม ณ วันเปลี่ยนสถานะ เช่นเดิม A ถือหุ้นใน B 25% มูลค่า งลท ใน B ก่อนเปลี่ยนสัดส่วนคือ 420 ลบ A ถือหุ้นใน B เพิ่มเป็น40% โดยจ่ายซื้อเพิ่มจากการที่ B เพิ่มทุน อีก 200 ลบ.โดย A จ่ายซื้อส่วนใหญ่ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 40% ไม่จำเป็นต้องซื้อที่ BV ของ B เมื่อซื้อ ในวันซื้อ งลท. ใน B วัดมูลค่ายุติธรรมใหม่เท่ากับ 750 ลบ.

งลท 420 + 200  =  620 งลท ใหม่ตามมูลค่าราคาทุน

วัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนร่วม ณ วันเปลี่ยนสถานะ = 750 ลบ

Asset งลท +130   =   E +130 แสดงกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในบริษัทร่วม



คงพอคลายความสงสัยที่มาที่ไปของรายการดังกล่าวนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น