วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

อัตราผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยที่ต้องการ มีองค์ประกอบจากอะไรบ้าง


อัตราผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยที่ต้องการ มีองค์ประกอบจากอะไรบ้าง

หลักการเงินนั้น High Risk, High Return เสมอ ไม่มีหลักทรัพย์ใดในระยะยาว (ยาวจริง มากกว่า 5-10 ปี) ไม่ใช่ 3 เดือน 6 เดือน ที่สามารถเกิด Excess Return ได้ตลอดไป คำว่า Excess Return หรือ Abnormal Return คือกำไรที่มากกว่า Expected Return On the Same Risk ทุกอุตสาหกรรม ทุกธุรกิจมีความเสี่ยงต่างกัน ผลตอบแทนที่คาดหวังจึงต้องต่างกันจะบอกว่าลงทุนใน A ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ 20% ต่อปีอย่างมั่นคงตลอด 15 ปี คนที่ถือหุ้น B มีความเสี่ยงต่ำกว่าได้เพียง 15% คงขาย B แล้วยอมซื้อ A ที่แพงขึ้นเพื่อรับผลตอบแทน 18% การได้จ่ายลงทุนแพงแต่ได้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าที่เคยได้ย่อมพอใจ มองฝั่งคนที่ขาย A มีสองกลุ่ม คืออยากได้สั้นๆ วันนี้ราคา a บาท ผลตอบแทนที่ได้คือ 20% ถ้าคนพอใจ 18% มาซื้อยอมจ่ายที่ 1.11a หรือพูดง่ายๆ หุ้นถูกเสนอซื้อสูงขึ้น 11.1% และจะไล่ราคาจนบวกไป 33.3% ก็ควรหยุด เพราะราคานี้ได้ผลตอบแทน 15% เท่ากับที่ถือ B จึงไม่รู้จะซื้อทำไม มองด้านคนขาย A ให้ แน่นอนทำกำไรไปแล้ว 33.3% แต่เขาไม่มีหุ้นดีๆ มั่นคงยาวๆ 20% แล้วตัวใหม่ที่มากกว่านี้ก็ไม่มี (เพราะถ้ามี คนก็จะมาซื้อไปแล้วเช่นกัน) ดังนั้นระยะยาวคนที่ได้สูงๆ 20% จะไม่ขาย ถ้าขายผลตอบแทนระยะยาวจะไม่เกิดอีก ในโลกการลงทุนที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือได้ตลอดเวลา จึงยากที่จะมีคนที่ได้ Excess Return ไปตลอดกาล ยกเว้นถือไม่ขายออก Excess Return จึงมาจากการได้ a (trade) มากกว่า b (ถือ) มูลค่าหุ้นที่ให้ Excess Return จากการดำเนินงาน ราคาจะปรับขึ้นจนเต็มมูลค่า แล้วระยะยาวกำไรบริษัทนั้นก็จะโตไปตามภาวะอุตสาหกรรม



คราวนี้มองในด้านบริษัท ยากเช่นกันที่บริษัทใดจะมีกำไรเหนือคนอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ตลอดกาล เพราะต้องเกิดการแข่งขันโดยเฉพาะในตลาดการค้าเสรี การทำ Extra or Excess Return จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในระยะยาวๆ เลย อาจทำได้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ยิ่งขนาดใหญ่ยิ่งยากขึ้น ฉนั้นในโลกการลงทุนจึงต้องคำนึงถึง High Risk, High Return เสมอ ผลตอบแทนจึงต้องมองควบคู่ความเสี่ยงเสมอ ซึ่งในผลตอบแทนที่ Classic ที่สุดคือ CAPM (Capital Asset Pricing Model) เมื่อ ri คือ Expected Return ของหลักทรัพย์ i ดังสมการต่อไปนี้  

ri  = rf + b * (rm – rf )

(rm – rf ) = RP = Risk Premium ผลตอบแทนของ Market โดยเฉลี่ยรวมที่สูงกว่าอราดอกเบี้ยสินทรัพย์ม่มีความเสี่ยง (นิยมใช้พันธบัตรรัฐบาล (คลัง) 1 ปี – Treasure Bill)

rm = Expected Market Return

rf  = Return of Risk Free Asset

b * (rm – rf ) = BRP = Business Risk Premium

จากสมการบอกเบื้องต้นบอกให้รู้ตามหลักการเงินว่า High Risk, High Return ความเสี่ยงคือ BRP โดยที่ b ค่าที่ว้ดความสัมพันธ์ความเสี่ยงของบริษัทนั้นเปรียบเทียบกับ Market เช่น 1.1 หมายความว่าบริษัทนั้นมีความเสี่ยงเฉลี่ยมากกว่าตลาด 1.2 เท่า หากตลาดให้ Market Risk Premium (rm – rf ) = 9% หุ้นบริษัทนั้นควรให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่า rf + 1.2 * 9% = rf + 10.8% เป็นต้น



ซึ่งในโลกการเงินสามารถนำมาเขียนกลางทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุนได้ดังนี้

Ki   = rf +IP + LP + MTP + DRP/BRP

rf = Return of Risk Free Asset

IP = Inflation Premium ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ

LP = Liquidity Premium ความเสี่ยงจากสภาพคล่องในการได้รับหรือเปลี่ยนเป็นเงินสด

MTP = Maturity Premium ความเสี่ยงจากอายุตราสาร

DRP = Default Risk Premium ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ มักใช้อันดับ Rating

b * (rm – rf ) = BRP = Business Risk Premium ความเสี่ยงจากธุรกิจ

หากมอง rf + LP + MTP ก็จะเข้าใจได้ง่ายขี้นว่าพันธบัตรที่อายุยาวทำไมถึงมี YIELD สูงกว่าพันธบัตร 1 ปี เพราะตราสารที่อายุยาว จะเสียโอกาสระหว่างการถือครองหากดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงไป LP คือสภาพคล่องที่จะเพิ่มขึ้นหากซื้อขายยาก เพราะเปลี่ยนหรือได้เงินสดช้า การจ่ายดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยทุกเดือนจะบวก LP น้อยกว่าตราสารหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน เพราะการได้เงินสดเร็วทำให้ได้โอกาสในการ reinvestment สูง สำหรับหุ้นแล้วที่ควรใช้ risk free rate ของ G-Bond 1 ปี เพราะหุ้นที่ซื้อขายในตลาดสามารถเปลี่ยนมือได้ทันทีไม่ได้ถูกบังคับโดยสภาพตราสารที่จะได้ YTM

YTM (Yield  To Maturity) ซึ่งหมายถึง ผลตอบแทนในการถือตราสารจนครบกำหนด เช่นผลตอบแทนหุ้นกู้ 6 ปี ให้ YTM 7.58% หมายถึงตลอดอายุการถือตราสารจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.58% ถ้าไม่คิดว่าไม่มีการขายออกก่อนกำหนด ผลตอบแทน YTM นี้ ได้คำนึงถึงความเสี่ยงต่างๆ ในตัวตราสารแล้ว



ดังนั้นการไปถือ B/E ของบริษัทใดก็ตาม ผลตอบแทนหรืออัตราดอกเบี้ย ควรอย่างน้อยเท่ากับ rf +IP + LP + MTP + DRP/BRP แม้ตราสารจะ non-rate ก็ตามก็ต้องควรบวก BRP ลงไปแทน ฉนั้นจะเอาเพียงอัตราสูงกว่าเงินฝากเล็กน้อยดูจะไม่สมเหตุสมผลนัก คนมีหน้าที่บริหารเงินชาวบ้านต้องเข้าใจด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น