วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

กฎเหล็กการลงทุนของปีเตอร์ลินช์


กฎเหล็กการลงทุนของปีเตอร์ลินช์

วันนี้พบบทความน่าสนใจ ของ 25 กฎเหล็กการลงทุนของปีเตอร์ลินช์ ที่มีหลายท่านเขียนกันในเว็ป โดยขอให้เครดิตกับ Thaivi.com และ sienhoon.com น่าสนใจทีเดียว ผมขอยกมาเพียงบางหัวข้อแล้วกัน เพื่อเป็นเครื่องเตือนนักลงทุน และขยายเพิ่มมุมมองการลงทุนให้ชัดเจนขึ้น

ปีเตอร์ ลินช์ บอกว่า

- “ผลประกอบการของบริษัทและราคาหุ้นอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ในระยะสั้นหนึ่ง เดือนหรือสองเดือนแม้กระ ทั้งสองหรือสามปี แต่ในระยะยาวผลประกอบการของบริษัทและราคาหุ้นมีความสัมพันธ์กัน 100 เปอร์เซ็นต์” อันนี้ตอกย้ำและยืนยันได้ คนที่เรียนกับผม ผมบอกเสมอว่า ไม่มีบริษัทดีที่จะเป็นแนวโน้มลง 5-10 ปี การขึ้นลงรายวัน 1-3 วันติดกันหรือสัปดาห์ ไม่ใช่ประเด็น ปัญหาของคนลงทุนจำนวนมากคือ มองไม่ออกมากกว่าว่าอะไรที่เรียกว่าบริษัทดีหรือไม่ดี บางบริษัทไม่ดี แต่บางคนลงทุน บางคนก็ทนถือไปก็มี บริษัทดีก็มีบางคนขึ้นก็รีบขายทำกำไรแล้ว ส่วนมากเล่นแค่กำไรไตรมาสหน้า ขึ้นตามเป้าก็ขาย ไม่ถึงก็ขาย กำไรไตรมาส กำไรสองหรือสามปี ไม่ใช่ผลประกอบการระยะยาวของบริษัท

- “การวิเคราะห์การลงทุนในระยะยาวเกินไป บ่อยครั้งที่จะคลาดเคลื่อนจากที่คิดไว้”  อันนี้เป็นข้อเตือนใจ ดูเหมือนขัดแย้งกับข้อที่กล่าวมาข้างต้น แต่ในความเข้าใจที่ถูกต้องคือ การลงทุนต้องติดตามสม่ำเสมอ หากปัจจัยพื้นฐานของ บริษัทนั้นแย่ลงก็ควรขาย และที่สำคัญอย่าไปคาดการณ์ตัวเลขกำไรยาวๆ ไม่มีทางถูกหรอกครับ นักลงทุนระดับโลกมากมายที่ประสพความสำเร็จ เขาไม่รู้ชัดหรอกครับว่า อีก 5 ปี บริษัทที่ลงทุนกำไรกี่บาท แต่เขารู้เพียงมันเติบโตดี และเติบโตได้ต่อไป ผมเห็นหลายคนนั่งทำประมาณการยาวๆ บอกได้ว่าไม่มีทางถูกหรอกครับ ถูกก็ฟลุ๊คทำได้ครั้งเดียว ปีต่อๆไปก็ผิด นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือมันโตต่อไปหรือไม่ต่างหากในระยะยาว คนที่เรียนกับผม ผมจะไม่เคยสอนวิธีคาดการณ์ยาวๆ แต่เน้นสอนวิเคราะห์งบการเงินและวิเคราะห์บริษัท ถ้าว่าไปแล้วผมก็ประยุกต์กับหลักปรัชญาตะวันออก ขงเบ้งให้ดูคนจากปัจจุบัน เลือกคบคนจากที่เห็นในวันนี้ คนแบบไหนคบได้คบไม่ได้ ดูจากวันนี้ ไม่ใช่ไปเดาว่าอนาคตจะใหญ่โตไหม จะรวยไหม หลักปรัชญาตะวันออกเน้นปัจจุบัน ถ้าทำดีอนาคตก็จะดีเอง เลือกบริษัทเช่นกัน เลือกบริษัทที่ทำมาดีสม่ำเสมอ ระยะยาวย่อมมีโอกาสดีต่อไป

- “ถ้าพูดถึงบริษัทขนาดเล็กคุณควรจะรอจนกว่าบริษัทมีความสามารถทำกำไรสม่ำเสมอ แล้วค่อยตัดสินใจลงทุน” หลายคนที่เรียนกับผม จะเห็นว่าทำไมผมไม่เคยแนะหุ้นขนาดเล็ก หุ้นเพิ่งเข้าตลาด เพราะข้อมูลทางการเงินน้อย และหุ้นเหล่านี้เรื่องเล่ามากกว่าตัวเลขในอดีตที่มี หุ้น Turnaround ผมก็ไม่เน้น หลายคนที่เรียนกับผมจะรู้ว่าผมเน้นงบการเงินสำคัญที่สุด เรื่องเล่ารองลงไปหรือไม่เน้นเท่าไร ยุคนี้ปั้นเรื่องกันได้ ปล่อยข่าวง่าย งบการเงินต้องยืนยันเรื่องเล่า

- “ไม่มีใครสามารถทำนายอัตราดอกเบี้ย แนวโน้มเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นได้ ดังนั้นจงติดตามบริษัทที่คุณ ได้ทำการลงทุนไปอย่างสม่ำเสมอ” Rakesh Jhunjhunwala เจ้าของฉายา Warren Buffet แห่ง India บอกว่า Don’t worry about the macro stuff like fiscal deficit, inflation etc., which are unknowable. Focus on what is knowable. อย่ากังวลกับปัจจัยมหภาคมากนัก เช่น การขาดดุลการคลัง เงินเฟ้อ อื่นๆที่ไม่สามารถรู้ได้ จงสนใจกับสิ่งที่สามารถรู้ได้ เช่น ธุรกิจของบริษัทที่คุณลงทุน หลักการเดียวกันกับปีเตอร์ลินช์ และนักลงทุนชั้นนำกับหลายคน ซึ่งประเด็นนีเสริมกับข้อก่อนหน้าที่บอกว่า อย่าคาดการณ์ระยะยาวด้วยเช่นกัน

- “ถ้าเวลาอยู่ข้างเดียวกับคุณ หากคุณลงทุนในบริษัทชั้นดีคุณสามารถที่จะรอได้ แต่หากคุณพลาดการ ลงทุนในหุ้น Wal-Mart มันก็ยังเป็นหุ้นที่น่าซื้ออยู่ดี แต่เวลาจะเป็นศัตรูกับคุณถ้าคุณซื้อออปชั่น” ผมเคยบอกในคลาสหลายครั้งว่าหุ้นดี มีจังหวะซื้อเสมอ อย่าไปเสียดายหากพลาด จงรอจังหวะ ปีเตอร์ ลินช์บอกว่าตลาดหุ้นตกเป็นเรื่องธรรมชาติเปรียบเหมือนฝนที่ต้องตกทุกปี จะมีช่วงคนขายหุ้นดีลงมาให้ซื้อเสมอ แต่อย่าหวังว่าจะลงมาที่เดิมนะ เพราะถ้าพลาดไป เวลาที่ผ่านไปมูลค่ามันต้องเพิ่มขึ้นจากวันที่เราพลาด อันนี้ไม่ใช่พลาดวันสองวัน อาจเป็นเดือนหรือหลายเดือนหรือปี
เอาเท่าที่สำคัญบางข้อ เพียงแต่อยากเน้นย้ำว่าทุกกฎของนักลงทุนที่ประสพความสำเร็จจะเหมือนๆกันหมดคือ ลงทุนบริษัทที่ดี (ข้อนี้ต้องหาเป็นนะครับ ดูเป็นจริงๆ) ราคาเหมาะสม ลงทุนยาวๆ รอและอดทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น