งบการเงินรวม เงินลงทุนในบริษัทย่อย
เงินลงทุนในบริษัทร่วม (2)
1.
กำไรจากการสุญเสียการควบคุม
ต้องเป็นการสูญเสียการควบคุมจริง
หากแม่ยังควบคุมได้แม้จะถือหุ้นน้อยกว่าครึ่งก็ถือว่าควบคุมอยู่ ถ้าเป็นดังนี้จะรับรู้กำไรไม่ได้
ไม่ใช่เพียงสัดส่วนการออกเสียง ต้องดูกรรมการในบอร์ดด้วยว่าเพิ่มลด
เปลี่ยนแปลงอย่างไร
2.
กำไรต่อรองจากการซื้อ
เกิดเมื่อเข้าซื้อกิจการย่อยในมูลค่าต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมสุทธิ รายการนี้จะเกิดเมื่อจัดทำงบการเงินรวมจึงถูกต้อง
เพราะเมื่อบริษัทแม่เข้าซื้อกิจการ เมื่อจ่ายเงินซื้อไปเท่าใด
เงินลงทันก็ลงเท่านั้น แต่เมื่อทำงบการเงินรวม
รายการเงินลงทุนในย่อยนั้นจะนำไปหักกลบกับ
มูลคายุติธรรมในส่วนของผู้ถืหุ้นของย่อยที่ปรับเป็นมูลค่ายุติธรรมสุทธิตามสัดส่วนที่ถือหุ้น
ถ้ามูลค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อยน้อยกว่ามูลค่ายุติธรรมสุทธิตามสัดส่วนที่ถือหุ้นถือเป็นกำไรต่อรองจากการซื้อรับรู้เป็นกำไรของงวดทันที
(เข้าท่อนบน) มีผลต่อ EPS ในงวดนั้น
เกิดเพียงครั้งเดียวเมื่อซื้อ
3.
ค่านิยม จะตรงกันข้ามกับกำไรต่อรองจากการซื้อ
เกิดเมื่อเข้าซื้อกิจการย่อยในมูลค่าสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมสุทธิ เกิดเมื่อทำงบการเงินรวม
การที่จ่ายซื้อสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมเนื่องจากกิจการย่อยที่เข้าซื้อมีมูลค่ายุติธรรมสินทรัพย์สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี
หรือมีส่วนแบ่งการตลาดที่สูงกว่าอุตสาหกรรม
หรือสินค้มีความแข็งแกร่งทางการตลาด มี Loyalty เป็นต้น มีหลายกิจการบันทึกมูลค่าเครื่องหมายการค้าของย่อยในงบรวม
ซึ่งปกติในกิจการทั่วไป ในงบเฉพาะไม่มีการบันทึกมูลค่าเครื่องหมายการค้าตนเอง เพราะ
มูลค่าเครื่องหมายการค้าก็คือค่านิยมของกิจการ
มาตรฐานบัญชีและหลักบัญชีที่ยอมรับทั่วไป GAAP ไม่ยอมรับการบันทึกค่านิยมนอกจากการเข้าซื้อกิจการ
4.
ผลกระทบคือ
มูลค่าเครื่องหมายการค้าของย่อยในงบรวมจะแสดงเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน
แล้วงบรวมก็จะทยอยตัดจ่าย (Amortized) ซึ่งต่างกับค่านิยมที่จะไม่มีการตัดจำหน่าย
นอกจาการด้อยค่าซึ่งต้องมีการพิจารณาทุกรอบบัญชีที่มีการนำเสนองบการเงินเมื่อเกิดข้อบ่งชี้
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนนอกจากการตัดจำหน่ายก็ต้องพิรณาการด้อยค่าเหมือนกัน มูลค่าเครื่องหมายการค้าของย่อยในงบรวมที่แสดงเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนนี้
ระวังเป็นช่องทางการถ่ายเงิน (Siphon) ออกจากกิจการได้
การดูงบการเงินเปรียบเทียบระหว่าง งบเฉพาะกิจการและงบรวม สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ สินทรัพย์ของย่อยที่นำมารวม
จะเป็นมูลค่ายุติธรรมไม่ใช่ราคาทุน รายการระหว่างกันจะตัดออก
เช่นลูกหนี้ระหว่างกัน เงินให้กู้ยืมระหว่างกัน เป็นต้น ดังนั้นรายการ ส/ท
ของงบรวมที่เพิ่มขึ้นจากงบเฉพาะที่เป็นของลูกที่ไม่เป็นรายการระหว่างกัน รายการในงบรวมที่หายไปจากงบเฉพาะ
คือเงินลงทุนในบริษัทย่อย เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย เป็นต้น ส่วนที่จะเพิ่มขึ้นคือ
ค่านิยม พิจารณาง่ายๆ เบื้องต้น ถ้าสัดส่วนค่านิยมเมื่อเทียบกับเงินลงทุนในบริษัทย่อยยิ่งสูงมากเท่าใด
นั่นคือจ่ายแพงให้กับผู้ถือหุ้นเดิมมากเท่านั้น และมักเป็นช่องทางจ่ายเงินออกจากกิจการ
ลงทุนคุ้มหรือไม่ในเบื้องต้นให้ดู ROA งบเฉพาะในงบเฉพาะ
(ที่ไม่นับเงินทุนในบริษัทย่อย) ถ้า ROA เฉพาะ > ROA งบรวม แสดงว่ากิจการย่อยมี Profitability
ต่ำกว่าๆ แม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น