หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Subordinated Bond)
1. เป็นหุ้นกู้ประเภทหนึ่ง หุ้นกู้ประเภทนี้จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้เหมือนหุ้นกู้ทั่วไป
แต่อาจมีเงื่อนไขไม่จ่ายดอกเบี้ย หรือบางทีก็ยกยอดไปจ่ายงวดอื่นก็ได้
2. เป็นหุ้นก็ไม่มีอายุ
ได้เงินต้นคืนเมื่อเลิกกิจการ
3. แต่อาจให้สิทธิบริษัทผู้ออกไถ่ถอนได้
อาจจะหลังจากออกไปแล้ว 3 – 5 ปี
หรือเวลาใดก็ได้ตามข้อกำหนดในเงื่อนไขหุ้นกู้ หุ้นกู้นี้ค่อนข้างจะมีความซับซ้อนในเงื่อนไขและข้อกำหนดสิทธิหลาย
ๆ อย่างที่นักลงทุน ควรจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด
4. ผู้ถือหุ้นกู้ฟ้องร้องไม่ได้
เพราะบริษัทสามารถอ้างไม่จ่ายดอกเบี้ยได้ เลื่อนจ่ายหรือจ่ายบางส่วน
5. ดังนั้น บริษัทที่ออก “หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน” จึงมักกำหนดอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ในอัตราที่สูงเพื่อจูงใจ
รู้จักกับหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน
6. อัตราดอกเบี้ยจะอ้างอิงในท้องตลาด และบวกอัตราเพิ่มอีก
ตามความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกหุ้น
7. ปกติความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ย
เพราะเป็นตัวที่บอกว่า บริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและชำระคืนเงินต้นได้ดีแค่ไหน
ถ้าเป็น BBB ขึ้นไปจนถึง AAA จะถือว่าหุ้นกู้อยู่ในระดับ น่าลงทุน (investment grade) ดังนั้น ดอกเบี้ยก็จะต่ำ
แต่ถ้าเป็น BBB ลงไป จะเป็นหุ้นกู้ในระดับที่ลงทุน เพื่อเก็งกำไร (speculative) นั่นคือ มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น
ดอกเบี้ยก็ควรจะสูงตามด้วย
8. สามารถจะกำหนดการจ่ายอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่หรือลอยตัวได้ แบบลอยตัวคืออัตราดอกเบี้ย
จะไม่คงที่ตลอดไป ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในท้องตลาด ณ
เวลาที่จ่ายดอกเบี้ย
9. การคำนวณตราสารประเภท perpetual bond จะมีลักษณะคล้ายการคำนวณหุ้นสามัญในสูตร
DDM แบบ zero growth P = D/k หรือหุ้นบุริมสิทธิ (preferred stock) เพราะเปรียบเหมือนว่ามีการจ่ายเงินปันผลที่คงที่
โดยไม่ได้มีกำหนดวันหมดอายุ ให้หลักการสามารถสรุปได้อยู่ในรูปของ ดอกเบี้ยที่จ่าย
หารด้วยอัตราคิดลด (Coupon/Discount rate) คือผลตอบแทนที่คาดหวัง
ไม่ใช่ผลตอบแทนหุ้นทุน แต่ = risk free rate + Default rate
10. บางคนเรียกว่า “หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” คือไม่มีอายุไถ่ถอน จะเป็นตราสารแบบไฮบริด (Hybrid
Instrument) บางตำราเรียก Quasi Instrument หรือกึ่งหนี้กึ่งทุน คือ จะเป็นหนี้ก็ไม่ใช่
ทุนก็ไม่เชิง แต่แท้จริงควรคืออะไร ผมได้กล่าวในบทความก่อนหน้าแล้ว
11. หลักการลงทุนต้องไม่ละทิ้งคือการลงทุนในอะไรก็ตามต้องพิจารณาความเสี่ยงประกอบด้ายไม่ใช่ดูเพียงผลตอบแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น