วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Subordinated Bond)


หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Subordinated  Bond)

1. เป็นหุ้นกู้ประเภทหนึ่ง หุ้นกู้ประเภทนี้จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้เหมือนหุ้นกู้ทั่วไป แต่อาจมีเงื่อนไขไม่จ่ายดอกเบี้ย หรือบางทีก็ยกยอดไปจ่ายงวดอื่นก็ได้

2. เป็นหุ้นก็ไม่มีอายุ ได้เงินต้นคืนเมื่อเลิกกิจการ

3. แต่อาจให้สิทธิบริษัทผู้ออกไถ่ถอนได้ อาจจะหลังจากออกไปแล้ว 3 – 5 ปี หรือเวลาใดก็ได้ตามข้อกำหนดในเงื่อนไขหุ้นกู้ หุ้นกู้นี้ค่อนข้างจะมีความซับซ้อนในเงื่อนไขและข้อกำหนดสิทธิหลาย ๆ อย่างที่นักลงทุน ควรจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด

4. ผู้ถือหุ้นกู้ฟ้องร้องไม่ได้ เพราะบริษัทสามารถอ้างไม่จ่ายดอกเบี้ยได้ เลื่อนจ่ายหรือจ่ายบางส่วน

5. ดังนั้น บริษัทที่ออก “หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน” จึงมักกำหนดอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ในอัตราที่สูงเพื่อจูงใจ

รู้จักกับหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน

6. อัตราดอกเบี้ยจะอ้างอิงในท้องตลาด และบวกอัตราเพิ่มอีก ตามความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกหุ้น

7. ปกติความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ย เพราะเป็นตัวที่บอกว่า บริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและชำระคืนเงินต้นได้ดีแค่ไหน ถ้าเป็น BBB ขึ้นไปจนถึง AAA จะถือว่าหุ้นกู้อยู่ในระดับ น่าลงทุน (investment grade) ดังนั้น ดอกเบี้ยก็จะต่ำ แต่ถ้าเป็น BBB ลงไป จะเป็นหุ้นกู้ในระดับที่ลงทุน เพื่อเก็งกำไร (speculative) นั่นคือ มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ดอกเบี้ยก็ควรจะสูงตามด้วย

8. สามารถจะกำหนดการจ่ายอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่หรือลอยตัวได้ แบบลอยตัวคืออัตราดอกเบี้ย จะไม่คงที่ตลอดไป ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในท้องตลาด ณ เวลาที่จ่ายดอกเบี้ย

9. การคำนวณตราสารประเภท perpetual bond จะมีลักษณะคล้ายการคำนวณหุ้นสามัญในสูตร DDM แบบ zero growth P = D/k หรือหุ้นบุริมสิทธิ (preferred stock) เพราะเปรียบเหมือนว่ามีการจ่ายเงินปันผลที่คงที่ โดยไม่ได้มีกำหนดวันหมดอายุ ให้หลักการสามารถสรุปได้อยู่ในรูปของ ดอกเบี้ยที่จ่าย หารด้วยอัตราคิดลด (Coupon/Discount rate) คือผลตอบแทนที่คาดหวัง ไม่ใช่ผลตอบแทนหุ้นทุน แต่ = risk free rate + Default rate

10. บางคนเรียกว่า หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” คือไม่มีอายุไถ่ถอน จะเป็นตราสารแบบไฮบริด (Hybrid Instrument) บางตำราเรียก Quasi Instrument หรือกึ่งหนี้กึ่งทุน คือ จะเป็นหนี้ก็ไม่ใช่ ทุนก็ไม่เชิง แต่แท้จริงควรคืออะไร ผมได้กล่าวในบทความก่อนหน้าแล้ว

11. หลักการลงทุนต้องไม่ละทิ้งคือการลงทุนในอะไรก็ตามต้องพิจารณาความเสี่ยงประกอบด้ายไม่ใช่ดูเพียงผลตอบแทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น